วันจันทร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556

บทประพันธ์สู่ละครโทรทัศน์ (Remake story)

บทประพันธ์สู่ละครโทรทัศน์(Remake story)

ปีกมาร
ปีกมาร
บทประพันธ์ของ นันทนา วีระชน

ปีกมาร เป็นนวนิยาย บทประพันธ์โดย นันทนา วีระชน  ที่เคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์และละครโทรทัศน์มา 3 ครั้งแล้ว

ครั้งแรก สร้างเป็นภาพยนตร์ เมื่อปี พ.ศ. 2530 นำแสดงโดย ยุรนันท์ ภมรมนตรี,นาถตยา แดงบุหงา,พงษ์พัฒน์ วชิระบรรจง
ปี พ.ศ. 2530 
เครดิต : http://www.thaifilm.com/

ครั้งที่สอง ถูกสร้างเป็นละครโทรทัศน์ ออกอากาศเมื่อปี พ.ศ. 2537 ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 นำแสดงโดย ยุรนันท์ ภมรมนตรี,สินจัย เปล่งพานิช,กษาปณ์ จำปาดิบ

ครั้งที่สาม ถูกสร้างเป็นละครโทรทัศน์ออกอากาศเมื่อปี พ.ศ. 2545 ทาง สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 นำแสดงโดย นิธิ สมุทรโคจร,กัญญารัตน์ จิรรัชกิจ,วรฤทธิ์ ไวยเจียรนัย
ปี พ.ศ. 2545
เครดิต :http://www.cloverdvd.com

ครั้งที่สี่  นำมาสร้างใหม่ในปี พ.ศ. 2556 โดยบริษัท เอ็กแซ็กท์ และ ซีเนริโอ จำกัด นำแสดงโดย ศรราม เทพพิทักษ์, อรจิรา กุลดิลก, ภาคิน คำวิลัยศักดิ์, อรรครัฐ นิมิตรชัย และ มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ กำกับการแสดงโดย กิตติ บุญสกุลศักดิ์ ปีกมารออกอากาศ ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ทุกวัน พุธ - พฤหัสบดี เวลา 20.10 - 21.40 น. เริ่มตอนแรกวันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556 - 3 ตุลาคม พ.ศ. 2556
  
ปี พ.ศ. 2556
เครดิต : http://www.theemptyzone.com

 เรื่องย่อ

                ศลัยลาสาวนักโบราณคดีพบรักกับภูฉายนายธนาคารหนุ่มอนาคตไกล แม้จะคบกันไม่นานแต่ทั้งคู่ก็ตกหลุมรักกันและกันอย่างลึกซึ้ง จนในที่สุดภูฉายและศลัยลาตกลงที่จะแต่งงานกัน ภูฉายพาศลัยลาไปพบกับสลักแม่ของเขา แต่ทั้งคู่กลับเจอสลักกำลังอาละวาดใส่พ่อของภูฉายซึ่งทิ้งครอบครัวไปตั้งแต่เขายังเด็ก สลักโกรธแค้นพ่อของภูฉายมากที่ทอดทิ้งเธอกับลูกไป จนทำให้สลักกลายเป็นคนมีอาการทางจิตชอบเรียกร้องความรักความสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากภูฉาย ยิ่งสลักได้รู้ว่าภูฉายจะแต่งงานกับศลัยลาก็ยิ่งเพิ่มความรักความหวงภูฉายมากขึ้น ฝ่ายศลัยลาที่ได้เห็นสภาพจิตที่ไม่ปกติของสลักก็ตกตะลึง แต่เธอก็ยังยืนกรานจะแต่งงานกับภูฉาย ท่ามกลางเสียงคัดค้านของนวลนภาและภาษิต แม่และน้องชาย รวมทั้งเพียรภมรทนายความสาวเพื่อนรุ่นน้องของศลัยลาที่เป็นโรคเกลียดผู้ชายขึ้นสมอง
                ในขณะที่ชีวิตคู่ของภูฉายกับศลัยลากำลังดิ่งลงเหว ศลัยลาก็พบว่าตัวเองตั้งท้อง ทำให้สลักยิ่งอิจฉาศลัยลาจึงพยายามเรียกร้องความสนใจจากภูฉายมากขึ้น จนในคืนที่ศลัยลาคลอดลูก ภูฉายก็ถูกสลักดึงตัวไว้จนไม่ได้ไปหาศลัยลา สลักกลัวภูฉายจะทิ้งตนไปสนใจแต่ศลัยลากับลูก จึงพูดเกลี้ยกล่อมจนภูฉายยอมยกลูกให้เลี้ยง ศลัยลาเสียใจมากที่ภูฉายยอมตามใจสลักจนครอบครัวแตกแยก เธอจึงตัดสินใจขอหย่าขาดจากภูฉาย  แต่ภูฉายไม่ยอมและขอให้ศลัยลาคิดทบทวนอีกครั้ง ในขณะที่สลักกลับคอยยุยงให้ภูฉายหย่ากับศลัยลา
                 ระหว่างที่ศลัยลาแยกกันอยู่กับภูฉาย เธอก็ถูกส่งตัวไปทำงานที่แหล่งขุดค้นวัตถุโบราณแถบภาคอีสาน ทำให้เธอได้พบกับลายสือนักศึกษาโบราณคดีเพื่อนสนิทของภาษิต เมื่อลายสือได้เจอกับศลัยลาครั้งแรกก็สะดุดตาทันทีโดยที่ไม่รู้ว่าเธอคือพี่สาวของภาษิต ด้วยความที่ลายสือขาดแม่ตั้งแต่ยังเด็กและถูกพัลลพพ่อของเขาทิ้งไปมีครอบครัวใหม่ ทำให้ลายสือตกหลุมรักความเป็นผู้ใหญ่ อบอุ่นและพึ่งพาได้ของศลัยลา 

ความคิดเห็นเกี่ยวกับการ Remake ละคร

                การนำละครเก่าในอดีตมาทำใหม่หรือเรียกว่าการ Remake นั้น ดิฉันมีความคิดเห็นว่า เป็นเรื่องที่น่าสนใจไปอีกแบบหนึ่ง เพราะละครบ้างเรื่องที่นำมาเสนอในยุคนี้ดิฉันก็ไม่ทันได้ดู และการที่ผู้จัดจะนำเสนอเรื่องเก่ามาทำใหม่นั้นดิฉันก็คิดว่ามันคงเป็นเรื่องยากที่จะจัดทำขึ้น เพราะ ผู้จัดต้องคำนึงว่า หากจะเสนอรูปแบบเดิมๆก็จะทำให้น่าเบื่อและไม่น่าสนใจ ซึ่งหากผู้ชมที่เคยดูละครเรื่องเหล่านั้นมาแล้วก็จะนำไปเปรียบเทียบกับกับยุคก่อนๆว่าเป็นอย่างไร และที่สำคัญการที่จะนำละครมาทำใหม่นั้นต้องจัดทำให้เข้ากับยุคสมัยนั้นๆด้วยถึงจะทำให้ละครมีความน่าสนใจ

เครดิต :  http://pantip.com/topic/30909239



นักนิเทศศาสตร์ยุคดิจิตอล



นักนิเทศศาสตร์ยุคดิจิตอล

พ่อแม่ยุคดิจิตอล

     ในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีการสื่อสารมีการพัฒนาไปมากทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปรับสื่อสมัยใหม่มากขึ้นทิ้งสื่อดั้งเดิมไว้เป็นทางเลือก โดยเฉพาะการใช้สื่ออินเทอร์เน็ตและสื่อออนไลน์ กระทั่งสื่อดาวเทียม ที่กำลังเข้ามามีบทบาทแทนสื่อหลัก

                                หากจะกล่าวถึงวิชาทางด้านนิเทศศาสตร์แล้วนั้นเป็นการศึกษาเกี่ยวกับกระบวนการการติดต่อสื่อสาร สื่อความหมายให้กับบุคคลอื่นได้รับรู้และได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องที่เราต้องการที่จะสื่อสาร เพราะการสื่อสารถือเป็นสิ่งที่มีความสำคัญแก่การใช้ชีวิตประจำวันของมนุษย์เราและยังนับได้ว่าบทบาทของนักนิเทศศาสตร์ ได้ขยายวงในการทำงานในสังคมที่มากกว่าเดิม ทั้งงานด้านราชการ เอกชน องค์กรสื่อ เป็นต้น ซึ่งไม่เพียงแต่นักนิเทศศาสตร์ที่เรียนจบมาแล้วได้ทำงานเฉพาะด้าน นักข่าว นักโฆษณา นักประชาสัมพันธ์ เท่านั้น ซึ่งในยุคดิจิตอลนี้ต้องให้นักศึกษาที่เรียนมาได้เรียนรู้เกี่ยวกับการ Workshop  มากขึ้น กระตุ้นการแสดงออก เพื่อให้ผู้เรียนได้ทดลองปฏิบัติงานจริง เสริมทักษะ และความเชี่ยวชาญ ทั้งงานด้านการประชาสัมพันธ์ การโฆษณา วิทยุ โทรทัศน์ และสื่อสารมวลชน  เรียนรู้ทางด้านธุรกิจ การตลาดและการแข่งขัน รวมทั้งการพัฒนาศักยภาพให้เป็นผู้ประกอบการด้วยตัวเองให้มากขึ้น  เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพให้ดียิ่งขึ้นสมกับเป็นยุคดิจิตอล
              และหากจะกล่าวถึงนักนิเทศศาสตร์ในยุคดิจิตอลนั้นต้องมีการให้ข้อมูลที่เที่ยงตรงและแม่นยำ เพราะสังคมไทยในปัจจุบันเป็นสังคมที่ข่าวหรือข้อมูลเผยแพร่ไปไวกว่าจรวดซะอีก หากบุคคลอื่นได้รับข่าวสารที่ไม่ถูกต้องก็จะทำให้เราเป็นผู้สื่อสารที่ไม่ได้เรื่องหรืออาจจะกล่าวได้ว่าเป็นนักนิเทศศาสตร์ที่ไม่มีความรู้ที่แท้จริง ฉะนั้นหากต้องการที่จะเป็นนักนิเทศศาสตร์ในยุคดิจิตอลแล้วต้องมีความรู้ ความสามารถ และต้องมั่นคอยพัฒนาความรู้ และ ศักยภาพ ของตัวเองอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่จะได้เป็นนักนิเทศศาสตร์ยุคดิจิตอลอย่างแท้จริง